LOREAL

ใช้กลยุทธ์แบบ GLOBAL + LOCAL

เพราะ เป็นที่รู้กันอยู่แล้สว่าแบรนด์รอลิอัลคือแบรนด์ที่มีขายทั่วโลกและเป็นแบรนด์ที่ทำยอดขายได้ดีในทุกประเทศ จากการที่ได้ศึกษากรณีตัวอย่างของแบรนด์นี้ได้เล็งเห็นถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อยในการทำสินค้า และโฆษณาออกมา เช่น หากเป็นในประเทศแถวยุโรปและเอเชีย เนื้อเรื่องในการดำเนินโฆษณาก็จะมีความคล้ายคลึงกันต่างกันเพียงอย่างเดียวคือบางตัวนำแปลเป็นซับไตเติ้ลเป็นภาษาท้องถิ่น หรือมีการใช้คนท้องถิ่นในประเทศนั้นเป็นตัวนักแสดง แต่ตัวสินค้ายังไม่พบความแตกต่างแต่ก็จะมีแค่สินค้าแค่บางประเภทที่ประเทศไทยไม่มีแต่ที่อมเริกามี

CSR 2012

1.รอรีอัล รวมพลังพนักงาน ร่วมกิจกรรม “อาสาพิทักษ์ปะการังไทย”
ฉลองวันก่อตั้งครบ 102 ปี เพื่อสร้างสังคมที่สวยงามและน่าอยู่ร่วมกัน

ฉลองครบ 102 ปี บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด รวมพลังทำประโยชน์คืนกลับสู่สังคมกับกิจกรรม “อาสาพิทักษ์ปะการังไทย” นำโดย มร. ฌอง ฟรองซัวส์ คูเว่ กรรมการผู้จัดการ พร้อมด้วยพนักงานเกือบ 200 คน ได้ร่วมกิจกรรมฟื้นฟูปะการัง อาทิ การดำน้ำลึก เพื่อนำปะการังที่เพาะเลี้ยงแบบอาศัยเพศไปปล่อยใต้ท้องทะเลเป็นครั้งแรก การดำน้ำตื้น เพื่อนำหอยมือเสือไปปล่อยลงทะเลเพื่อสร้างความสมดุลให้กับระบบนิเวศในทะเล และการทำสะอาดปะการังในบ่อเพาะเลี้ยงและสร้างบ้านให้ปะการังได้อาศัย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ณ หมู่เกาะแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี

2. ลอรีอัล Boujour เป็นปีที่ 59 แล้ว ในวาระสำคัญนี้ได้ร่วมเป็นหนึ่งในร้อยโครงการเพื่อสังคมของลอรีอัลทั่วโลก กับโครงการ “Beautiful Tomorrows” โดยโคล้ด รัมเพอร์ ให้รายละเอียดว่า เป็นโครงการทุนฝึกทักษะอาชีพเสริมสวยให้กับสตรีในบ้านพักฉุกเฉิน โดยเน้นกลุ่มผู้หญิงอายุ 18-40 ปี จำนวน 10 ทุน ซึ่งเป็นการฝึกอบรมกว่า 8 เดือน จากความร่วมมือของเกตุวดี-แกนดินี ตั้งเป้าดำเนินการ 10 ปี หรือครบ 100 ทุน

เนื่องกลุ่มเป้าหมายเกือบทั้งหมดของผลิตภัณฑ์ในบริษัทลอรีอัลคือผู้หญิง ดังนั้นโครงการ CSR ส่วนมากจึงเจาะไปที่กลุ่มผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงด้อยโอกาสและประสบปัญหาในสังคม ขณะที่เหลือคือกลุ่มเด็กและเยาวชน โดยทุกโครงการมีลักษณะเหมือนกันคือเป็นโครงการต่อเนื่องระยะยาว เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำ CSR ของลอรีอัล

ในการทำกิจกรรมเข้าสังคมของรอลีอัล จะได้มาซึ่งผลตอบรับที่ดีเพราะเมื่อมีกิจกรรมบรรดาสื่อต่างๆ ก็จะให้ความสนใจจนเกิดเป็นข่าวโปรโมทโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อสื่อ และนอกจากนี้ยังเกิดสื่อออนไลน์อีกด้วยเพราะ เมื่อมีคนมาเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมที่ ก็จะสร้างแฟนเพจในเฟสบุ้ค คนที่มาเข้าร่วมก็จะแชร์รูปต่างๆมากมายผ่าน บัญชีผู้ใช้ของตน ทำให้เกิดสื่อฟรีมีเดียในรุปแบบออนไลน์